
เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเจอกับปัญหา “แอปฯล่ม” โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เร่งรีบอย่างการโอนเงิน ที่ไม่วายจะยิ้มแห้งให้ร้านค้ากันอยู่เรื่อยๆ แต่เรามักจะพูดกันว่าแอปฯล่ม ‘เพราะเจ้าของแอปฯดูแลได้ไม่ดีพอ - ทำแอปฯออกมาได้ไม่ดีบ้าง’ ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องนี้มีสาเหตุจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือเรื่องความเชี่ยวชาญของทีมผู้พัฒนา ที่ไม่ใช่แค่ทำระบบเป็น แต่อาจต้องประเมินการใช้งานให้เฉียบขาดตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อวางแผนกำหนดสเปคสำหรับใช้งาน และการ ‘รองรับข้อมูล’ ในอนาคต
แอปฯล่มส่วนใหญ่มักเกิดจาก ‘Server overload’ หรือการที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากเข้ามาพร้อมกันเกินกว่าระบบจะรับไหว นึกภาพว่าถ้าเราต้องเข้าแอปฯเพื่อใช้งานพร้อมกันทีเดียว หลายแสนคน ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่การรองรับของแอปฯนั้นอาจไม่ได้กำหนดถึงจำนวนหลักแสน เลยเกิดอาการล่มซะดื้อๆ
ซึ่งแก้ที่ง่ายที่สุด คือต้องเริ่มจากการวางรากฐานให้ดีตั้งแต่แรก ไม่ใช่แค่ “ทำแอปฯให้เสร็จ” รวมถึงควรกำหนดสเปคของระบบให้เหมาะสมตั้งแต่ต้น พร้อมมีแผนรองรับสำหรับการเติบโตในอนาคต
ส่วนในทางเทคนิค การแก้ปัญหาแอปฯล่มสามารถทำได้หลายวิธี อย่างการใช้ Load Balancer ที่ช่วยกระจายภาระงานไปยังหลายๆ เซิร์ฟเวอร์ ไม่ให้เครื่องใดเครื่องหนึ่งรับภาระจนเกินไป หรือจะเป็นการใช้ Access Queue เพื่อจัดคิวผู้ใช้งานเหมือนการเข้าคิวซื้อบัตรคอนเสิร์ต ที่ใครมาก่อนก็เข้าระบบก่อน ใครมาที่หลังก็รอไปตามลำดับคิว
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Scalable Infrastructure หรือการวางระบบแบบยืดหยุ่น ที่สามารถขยายขนาดรองรับผู้ใช้มากขึ้นอัตโนมัติเมื่อจำเป็นได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้คือการ “ลงทุนเพื่อความเสถียร” ที่สร้าง “ความเชื่อมั่นระยะยาว” โดยหากลงทุนพัฒนาระบบอย่างจริงจัง วางแผนพัฒนาให้ชัดเจน คงไม่ใช่แค่ลดปัญหาแอปฯล่มซ้ำๆ แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ ที่สะท้อนภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพขององค์กรอีกด้วย
ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ “ระบบไม่ดี” แต่อยู่ที่ “ไม่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่ต้น”
แอปฯล่มส่วนใหญ่มักเกิดจาก ‘Server overload’ หรือการที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากเข้ามาพร้อมกันเกินกว่าระบบจะรับไหว นึกภาพว่าถ้าเราต้องเข้าแอปฯเพื่อใช้งานพร้อมกันทีเดียว หลายแสนคน ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่การรองรับของแอปฯนั้นอาจไม่ได้กำหนดถึงจำนวนหลักแสน เลยเกิดอาการล่มซะดื้อๆ
ซึ่งแก้ที่ง่ายที่สุด คือต้องเริ่มจากการวางรากฐานให้ดีตั้งแต่แรก ไม่ใช่แค่ “ทำแอปฯให้เสร็จ” รวมถึงควรกำหนดสเปคของระบบให้เหมาะสมตั้งแต่ต้น พร้อมมีแผนรองรับสำหรับการเติบโตในอนาคต
ส่วนในทางเทคนิค การแก้ปัญหาแอปฯล่มสามารถทำได้หลายวิธี อย่างการใช้ Load Balancer ที่ช่วยกระจายภาระงานไปยังหลายๆ เซิร์ฟเวอร์ ไม่ให้เครื่องใดเครื่องหนึ่งรับภาระจนเกินไป หรือจะเป็นการใช้ Access Queue เพื่อจัดคิวผู้ใช้งานเหมือนการเข้าคิวซื้อบัตรคอนเสิร์ต ที่ใครมาก่อนก็เข้าระบบก่อน ใครมาที่หลังก็รอไปตามลำดับคิว
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Scalable Infrastructure หรือการวางระบบแบบยืดหยุ่น ที่สามารถขยายขนาดรองรับผู้ใช้มากขึ้นอัตโนมัติเมื่อจำเป็นได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้คือการ “ลงทุนเพื่อความเสถียร” ที่สร้าง “ความเชื่อมั่นระยะยาว” โดยหากลงทุนพัฒนาระบบอย่างจริงจัง วางแผนพัฒนาให้ชัดเจน คงไม่ใช่แค่ลดปัญหาแอปฯล่มซ้ำๆ แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ ที่สะท้อนภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพขององค์กรอีกด้วย
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
แอปฯล่มระบบไม่เสถียรเซิร์ฟเวอร์ล่มดิจิทัลเซอร์วิสLocaltechTechMovementMoveForBetterTH