
เดี๋ยวนี้จะทำพรีเซนต์งาน หรืออาร์ตเวิร์กทั่วไป ใครก็ทำผ่าน ‘Canva’ ทุกคนว่าจริงไหม?
ช่วงนี้ประเด็นถกเถียงการใช้เครื่องมือระหว่าง Adobe กับ Canva กำลังถูกพูดถึงในหลากหลายความคิดเห็น จากการเข้ามาของ Canva ด้วยระบบที่ใช้งานง่าย มือใหม่ หรือคนไม่ความรู้ทางด้านกราฟิกดีไซน์ก็สามารถออกแบบชิ้นงานได้แบบสบาย ๆ ถ้าเป็นงานในระดับ Scale ทั่วไป ไม่ต้องถึง Production ก็ใช้ได้ครบจบที่แพลตฟอร์มเดียว
ซึ่งถ้าใครได้ศึกษาที่มาของการสร้าง Canva จะเห็นว่าเจ้าของที่เป็นคนพัฒนา ได้สร้างแพลตฟอร์มนี้จากปัญหาการใช้งาน Adobe ที่มองว่าราคาแพง และต้องใช้เวลาฝึกฝนกันเป็นเดือน หรือเป็นปี กว่าจะใช้งานได้คล่อง เลยคิดว่าอยากจะทำระบบที่มันใช้ง่าย และตอบโจทย์มากขึ้น
จุดเริ่มต้นของการล้มยักษ์อย่าง Adobe จะทำได้จริงหรือแค่ข่าวลือ
ถ้าดูจากข้อมูลรายได้ของ Canva ในปี 2018 จะแตะที่ 84 ล้านดอลลาร์ และปี 2019 ก็พุ่งสูงขึ้นอีก 105 ล้านดอลลาร์ โดยมีผู้ใช้งานเพิ่มกว่า 30 ล้านคน
จนมาถึงจุดพีคของแพลตฟอร์อมจากวิกฤต COVID-19 ที่คนนับล้านต้อง Work From Home กลายเป็นช่วงที่บีบให้หลายคนต้องใช้เครื่องมือในการทำพรีเซนต์สำหรับประชุมออนไลน์ยังไงก็ได้ให้ดูเป็นมือโปรที่สุด และโซเชียลมีเดียก็ถูกวางให้เป็นช่องทางหลักของธุรกิจไปโดยปริยาย ส่งผลให้คนหันมาใช้ Canva มากขึ้น สร้างรายได้ทะลุไปอีกกว่า 500 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 400% ในปีเดียว
ขณะเดียวกันหุ้น Adobe ก็ขึ้นตามมาด้วย เพียงแค่มีความต่างของการเติบโตของรายได้ที่ไม่เหมือนเพราะของ Adobe มาจากการ “ขึ้นราคา” ซึ่งเป็นฐานลูกค้าเดิม ส่วนของ Canva มาจาก “ผู้ใช้ใหม่” นับล้านคน และในเดือน กันยายน ปี 2021 Canva ประกาศการประเมินมูลค่าถึง 40,000 ล้านดอลลาร์
แต่มูลค่าที่ว่าคงไม่ได้ทำให้ Adobe สั่นคลอน แต่มันคือตัวเลข “ผู้ใช้งาน” มากกว่า โดย Canva เคยเปิดเผยข้อมูลในงาน Canva Create: Uncharted Keynote 2025 ว่าขณะนั้นมีผู้ใช้อยู่ที่ 230 ล้านคนต่อเดือน และยังมีลูกค้าระดับองค์กรเพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่อง ยังไม่นับรวมถึงประกาศเข้าซื้อกิจการ “Affinity” ทั้งหมด ซึ่งเป็นแอปสายโปรแบบ All-in-One ที่ให้ใช้ฟรีตลอด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปมีตัวเลือกที่ถูกและใช้ง่ายกว่า แบบไม่ต้องจ่ายรายเดือนของ Adobe Creative Cloud ที่แพงขึ้นเรื่อย ๆก็ได้
แม้วันนี้ Adobe จะยังคงครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ มีรายได้โตแบบต่อเนื่อง จากรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2025 ว่าบริษัททำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมีรายได้ที่ 5.99 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นราว 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2025 ก็มีการคาดรายได้ไว้ที่ 6.08-6.13 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
แน่นอนว่า Adobe อาจยังไม่ล้มหายตายจากในเร็ววัน เพราะถือว่าแพลตฟอร์มยังเป็นมาตรฐานของวงการโปรดักชันใหญ่ ๆ อยู่ แต่จากข้อมูลทั้งหมดที่เล่ามาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคงทำให้ยักษ์ใหญ่สั่นคลอนไม่มากก็น้อย
เพียงแต่ยุคที่ Adobe ผูกขาดตลาดแบบ “ไม่มีใครสู้ได้” ที่ในอนาคตจะขึ้นราคา หรือแก้เงื่อนไขการใช้บริการแบบไม่ง้อใครอาจเริ่มจบลงแล้ว เพราะคนทั่วไปจะมีทางเลือกมากขึ้น โดยไม่ได้สนวิธีการ แต่เน้นผลลัพธ์งานที่ออกมาดีมากกว่า ซึ่งอย่างที่เห็นว่าวันนี้แค่มี Canva หลายองค์กรก็รู้สึกว่าตอบโจทย์มากขึ้นแล้ว
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยี ที่จะพัฒนาและยกระดับประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า ได้ที่ Tech Movement
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทย
ต่างประเทศ
ต่างประเทศ
ต่างประเทศ