สหรัฐฯ_แอบฝังสายลับในชิป_กันเทคโนโลยีรั่วไหลสู่จีน.webp

ธุรกิจไอที

สหรัฐฯ แอบฝังสายลับในชิป กันเทคโนโลยีรั่วไหลสู่จีน?

Clock Icon

21 สิงหาคม 2568

Facebook IconLine IconX Icon

มีกระแสข่าวลือจากบทสัมภาษณ์ของ Reuters ว่าสหรัฐฯ มีการติดตั้งอุปกรณ์ติดตามภายใน เพื่อควบคุมการจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ที่ใช้ชิปจากผู้ผลิตชั้นนำอย่าง Nvidia และ AMD โดยสินค้าบางส่วนมาจากบริษัท Dell และ Super Micro เพื่อเสริมการบังคับใช้ข้อจำกัดการส่งออกที่สหรัฐฯ กำหนดไว้


หลังพบว่ามีความพยายามหลีกเลี่ยงข้อบังคับโดยการส่งสินค้าผ่านประเทศบุคคลที่สาม ก่อนถูกส่งต่อไปยังจีน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่เทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการด้านกลาโหม และการพัฒนา AI เชิงยุทธศาสตร์ของจีนได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าระบบติดตามนั้นถูกซ่อนเอาไว้โดยใคร และจะถูกนำส่งไปที่ไหน


ซึ่งแหล่งข่าวก็อ้างว่า สำนักอุตสาหกรรมและความมั่นคงแห่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ (BIS) ซึ่งกำกับดูแลการควบคุมและการส่งออก หน่วยงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) และสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ดี ทั้ง HSI และ FBI ก็ออกมาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ในขณะที่ BIS ก็ไม่ได้ออกมาให้ข้อมูล โดยทางกระทรวงการต่างประเทศจีนเองก็บอกว่ายังไม่ทราบถึงเรื่องนี้


แต่ล่าสุด "จีน" ก็ประกาศเตือนทุกหน่วยงานเลี่ยงใช้ชิป H20 เพราะหวั่นกระทบต่อความมั่นคง โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนออกหนังสือเตือนให้บริษัทต่างๆในประเทศ หลีกเลี่ยงการใช้ชิป H20 ของอินวิเดีย (Nvidia) พร้อมทั้งกำชับเป็นพิเศษว่าห้ามใช้ชิป H20 ของอินวิเดียสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล หรือความมั่นคงของชาติ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของรัฐหรือเอกชนก็ตาม


โดยรายงานของ Financial Times ระบุว่าบริษัทจีนบางแห่งเริ่มวางแผนลดคำสั่งซื้อชิป Nvidia หลังได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของสหรัฐฯ ในการจำกัดการส่งออกชิปไปยังจีน เหมือนกับการทำทุกวิถีทางให้จีนลำบากมากที่สุด เพราะจีนนั้นมีทั้งทรัพยากร และกำลังคนที่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านทางด้านเทคโนโลยี เห็นได้จากตั้งแต่การเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล ที่ให้เด็กเรียน เรียนวิชา AI ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ โดยบรรจุเป็นหลักสูตรการเรียน และทรัพยากรที่จีนมีอยู่จำนวนมหาศาล ก็คงไม่แปลที่สหรัฐฯจะแสดงความกังวลมากขนาดนี้


แต่ Altman ซีอีโอ OpenAI ก็ออกมาแสดงข้อคิดเห็นว่า การแข่งขัน AI ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ไม่ใช่แค่เกมว่าใครนำหน้า แต่มีเรื่องราวหลายมิติ ตั้งแต่งานวิจัย กำลังการประมวลผล ไปจนถึงผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์


ซึ่งบอกว่าจีนอาจสร้างกำลังด้าน inference (การใช้งานจริงของโมเดล) ได้เร็วกว่าสหรัฐฯ ส่วนมาตรการคุมชิปก็อาจไม่ได้ผลจริง แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะออกกฎคุมเข้มการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ แต่เชื่อว่า นโยบายนี้ไม่อาจหยุดยั้งจีนได้จริง เพราะไม่ได้หมายความว่าจีนจะหยุดพัฒนา เพราะอาจสร้างโรงงานผลิตเอง หรือหาทางเลี่ยงข้อจำกัดก็ได้เช่นกัน


สรุปแล้วประเด็นนี้กำลังบอกว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องการส่งออกชิปเพียงอย่างเดียว แต่เป็นภาพสะท้อนของศึกเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่กำลังยกระดับไปสู่ความมั่นคงและอำนาจการเป็นผู้นำของโลก เพราะยิ่งสหรัฐฯ กีดกัน จีนก็ยิ่งผลักดันการพึ่งพาตนเอง ที่จะหนุนให้การแข่งขัน AI เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้คงไม่พ้นบริษัทเทคโนโลยีในตลาดที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากเกมมหาอำนาจนี้


แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว

chipusachinaข่าวเทคโนโลยีTechmovement

ข่าวที่เกี่ยวข้อง