
เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในออสเตรเลีย ครอบคลุมรัฐเซาท์ออสเตรเลีย รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย และนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี เมื่อเวลา 00.30 - 13.30 น. ของวันที่ 18 ก.ย.68 ที่ผ่านมา ระบบสายโทรฉุกเฉินของ Optus เครือข่ายโทรคมนาคมอันดับสองของออสเตรเลีย ล่มกว่า 13 ชั่วโมง
Optus ได้ออกมาขอโทษกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมชี้แจงถึงสาเหตุว่า เกิดจากการอัปเดตไฟร์วอลล์ผิดพลาด ทำให้เกิดกระทบร้ายแรงต่อประชาชน
แต่เชื่อไหมว่าแม้ระบบจะล่มรุนแรง ทาง Optus ก็ใช้เวลาเกือบ 40 ชั่วโมง กว่าจะออกประกาศแจ้งสาธารณชน และไม่แจ้งหน่วยงานกำกับดูแลทันทีเมื่อเกิดปัญหา แต่รอจนระบบกลับมาทำงานได้ตามปกติถึงจะแจ้ง ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดมาตรฐานของสำนักงานการสื่อสารและสื่อของออสเตรเลีย
แล้วมีอะไรเกิดขึ้นหลังระบบฉุกเฉินล่มบ้าง?
ตลอด 13 ชั่วโมงของการล่ม ผู้ใช้หลายคนพยายามแจ้งปัญหา แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเหมาะสม
ทำให้ผู้ใช้กว่า 600 รายไม่สามารถติดต่อสายฉุกเฉินได้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตยืนยันแล้ว 3 ราย และเจ้าหน้าที่รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียเชื่อว่ามีรายที่ 4 จากความผิดพลาดครั้งนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้ Optus ก็เคยเจอปัญหาในลักษณะเดียวกันมาก่อน อย่างปี 65 ก็ถูกโจมตีทางไซเบอร์ จนทำข้อมูลคนออสเตรเลียกว่า 9.5 ล้านคนรั่วไหล และปี 66 ก็เกิดระบบล่มทั้งประเทศ เป็นสาเหตุที่ทำให้ซีอีโอคนเก่าต้องลาออก
แม้จะเกิดความผิดพลาดบ่อยครั้ง แต่คริสตี้ แม็คเบน รัฐมนตรีกระทรวงบริการฉุกเฉิน บอกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารเปิดเผยว่า หลังจากพูดคุยกับ Stephen Rue ซีอีโอของ Optus และพิจารณาถึงความล้มเหลวในการจัดการเหตุการณ์สายฉุกเฉินล่ม โดยเห็นว่า Rue ควรพิจารณาลาออกจากตำแหน่ง
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญเรื่องความรับผิดชอบ ความปลอดภัย และความพร้อมของผู้ให้บริการเครือข่าย สะท้อนว่า ทุกขั้นตอน ทุกสัญญาณเตือน และทุกระบบสำรอง ล้วนมีผลต่อชีวิตผู้คน
การทำงานจึงต้องเข้มงวด และคอยตรวจสอบการทำงานของระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดปัญหาได้น้อยที่สุด เพราะการสื่อสารที่ช้าเพียงเเค่วินาทีเดียว อาจหมายถึงชีวิตของใครบางคนที่ต้องสูญเสียไป
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง


