
ทุกข้อมูลที่คุณเสิร์ช ข้อความที่แชท หรือการช้อปออนไลน์ข้ามประเทศ จะถูกส่งใต้น้ำ ผ่านสิ่งที่เรียกว่า Submarine cable หรือ สายเคเบิล แปลว่าถ้าสายพวกนี้เกิดความเสียหาย เท่ากับการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศอาจสะดุดได้ทันที
สายเหล่านี้เป็นถนน Super Highway ขนาดใหญ่ ที่มีหลายเลน แต่ละเลนก็จะเป็นช่องสัญญาณ ที่มีข้อมูลเสมือนเป็นรถแต่ละคันวิ่งผ่าน ทำให้สามารถส่งข้อมูลจำนวนมากได้ในครั้งเดียว
วัสดุที่เป็นหัวใจหลักของถนนเส้นนี้ คือ Fiber Optic ที่ทำให้ส่งสัญญาณได้ด้วยความเร็วแสง และมี Bandwidth สูง ทำให้ถ่ายทอดข้อมูลได้หลายช่องในจำนวนมาก
ถึงแม้สายเหล่านี้จะอยู่ใต้น้ำลึก ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่กิดปัญหา เพราะล่าสุด Microsoft ได้ออกมารายงานว่า สายเคเบิลใต้น้ำของบริษัทถูกตัดหลายเส้นในเขตทะเลแดง ส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะบริการ Microsoft Azure ที่หลายธุรกิจพึ่งพาอยู่จำนวนมาก ส่งผลให้ธุรกิจหยุดชะงักกันเป็นทอด ๆ
โดย Microsoft ก็ได้ออกมาบอกว่า บริษัทกำลังเร่งหาทางแก้ปัญหาด้วยการย้าย Traffic ไปในเส้นทางอื่นแทน แต่ก็ยังทำได้จำกัด เพราะบริการ Azure หลายภูมิภาคเจอผลกระทบนี้แล้ว
ข้อมูล ณ ปัจจุบันยืนยันว่า กว่า 97% ของการเชื่อมต่อยุโรป-เอเชีย และเกือบทั่วโลก ต้องอาศัยเส้นทาง Red Sea ที่ไม่ได้เป็นแค่เส้นทางการค้า แต่ยังเป็นคอขวดสำคัญของโลกดิจิทัล โดยเหตุการณ์ลักษณะนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงมีนาคมที่ผ่านมา จากเหตุความไม่สงบในทะเลแดงของกลุ่มกบฏฮูตีของเยเมน ที่คอยโจมตีเรือของอิสราเอล และชาติตะวันตกที่เดินทางผ่านมา
จนในช่วงปีที่แล้ว กลุ่มนักวิจัยและนักวิชาการจากสหรัฐ ไอซ์แลนด์ สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์ กำลังร่วมกันพัฒนาวิธีการเปลี่ยนเส้นทางรับส่งข้อมูลจากสายเคเบิลใต้ทะเลไปยังระบบดาวเทียม เพื่อรับมือเหตุที่จะถูกก่อวินาศกรรม หรือประสบภัยธรรมชาติ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
โดยตั้งเป้าสร้างต้นแบบที่ใช้งานได้จริงภายในสองปี เพื่อพัฒนาเครือข่ายไฮบริดที่ปรับใช้กับสายเคเบิลใต้น้ำ และการสื่อสารผ่านดาวเทียมเข้าด้วยกัน ทำให้ข้อมูลไหลเวียนได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
สุดท้ายเราอาจต้องดูว่า ในอนาคตแผนนี้ที่จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ เพราะนั่นคือความเสียหายที่อาจสร้างวิกฤตใหญ่ของเศรษฐกิจทั้งโลกได้ในที่สุด
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง


