
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เปิดตัวห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์อัตโนมัติครบวงจร ด้วยเทคโนโลยี AI และระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยได้รับการออกแบบให้เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างแผนกต่างๆ ภายในโรงพยาบาลผ่านระบบดิจิทัล เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนกระบวนการวินิจฉัยและรักษาให้รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ
ระบบลงทะเบียนอัจฉริยะ "One Touch Solution Express" ที่ผู้ป่วยสามารถใช้งานผ่าน Mobile Application "LAB TUH" หรือตู้ KIOSK ช่วยลดเวลาการลงทะเบียนเหลือไม่ถึง 40 วินาที และลดความแออัดลงกว่าร้อยละ 50 และลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อโรคอย่างโควิด-19
ในด้านการขนส่งหลอดเลือด โรงพยาบาลได้นำระบบอัตโนมัติมาใช้แบบครบวงจร ตั้งแต่การติดฉลากบนหลอดเลือดที่ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ระบบเรียกคิวที่สามารถเปรียบเทียบใบหน้ากับข้อมูลในระบบเพื่อป้องกันการเจาะเลือดสลับคน และสายพานขนส่งหลอดเลือดอัตโนมัติที่รักษาคุณภาพเลือดตามมาตรฐานสากล
ด้านการตรวจวิเคราะห์ มีเครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติทางโลหิตวิทยา ที่เพิ่มขีดความสามารถได้ถึง 400 รายต่อชั่วโมง พร้อมเครื่องสไลด์อัตโนมัติที่ลดความซับซ้อนในการแปลผล
นอกจากนี้ยังมีเครื่องตรวจปัสสาวะที่จำแนกตะกอนได้ 17 ชนิดด้วยระบบถ่ายภาพพิเศษสำหรับการตรวจโรคไต และเครื่องตรวจอุจจาระที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจหาเชื้อปรสิตและเซลล์ผิดปกติ อีกทั้งสามารถส่งต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์จุดต่าง ๆ แล้วยังช่วยนักเทคนิคการแพทย์สามารถออกผลได้รวดเร็ว ที่ส่งผลต่อการวินิจฉัยมีความรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
การพัฒนาครั้งนี้ทำให้เห็นประโยชน์หลายด้าน อย่างการวินิจฉัยโรคที่มีความถูกต้อง และแม่นยำมากขึ้น การเลือกใช้ยาที่ถูกต้องตรงกับอาการและการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วย ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาล ในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
เพื่อตอบโจทย์การให้บริการด้านสุขภาพ และก้าวสู่ Smart Hospital ที่ไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพการรักษาเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบสำหรับโรงพยาบาลอื่น ๆ ในการพัฒนาสู่ระบบการแพทย์อัจฉริยะที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยได้ในอนาคต
นวัตกรรมยกระดับมาตรฐานการแพทย์ไทย ?
ระบบลงทะเบียนอัจฉริยะ "One Touch Solution Express" ที่ผู้ป่วยสามารถใช้งานผ่าน Mobile Application "LAB TUH" หรือตู้ KIOSK ช่วยลดเวลาการลงทะเบียนเหลือไม่ถึง 40 วินาที และลดความแออัดลงกว่าร้อยละ 50 และลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อโรคอย่างโควิด-19
ในด้านการขนส่งหลอดเลือด โรงพยาบาลได้นำระบบอัตโนมัติมาใช้แบบครบวงจร ตั้งแต่การติดฉลากบนหลอดเลือดที่ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ระบบเรียกคิวที่สามารถเปรียบเทียบใบหน้ากับข้อมูลในระบบเพื่อป้องกันการเจาะเลือดสลับคน และสายพานขนส่งหลอดเลือดอัตโนมัติที่รักษาคุณภาพเลือดตามมาตรฐานสากล
ด้านการตรวจวิเคราะห์ มีเครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติทางโลหิตวิทยา ที่เพิ่มขีดความสามารถได้ถึง 400 รายต่อชั่วโมง พร้อมเครื่องสไลด์อัตโนมัติที่ลดความซับซ้อนในการแปลผล
นอกจากนี้ยังมีเครื่องตรวจปัสสาวะที่จำแนกตะกอนได้ 17 ชนิดด้วยระบบถ่ายภาพพิเศษสำหรับการตรวจโรคไต และเครื่องตรวจอุจจาระที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจหาเชื้อปรสิตและเซลล์ผิดปกติ อีกทั้งสามารถส่งต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์จุดต่าง ๆ แล้วยังช่วยนักเทคนิคการแพทย์สามารถออกผลได้รวดเร็ว ที่ส่งผลต่อการวินิจฉัยมีความรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
ผู้ป่วยจะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง?
การพัฒนาครั้งนี้ทำให้เห็นประโยชน์หลายด้าน อย่างการวินิจฉัยโรคที่มีความถูกต้อง และแม่นยำมากขึ้น การเลือกใช้ยาที่ถูกต้องตรงกับอาการและการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วย ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาล ในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
เพื่อตอบโจทย์การให้บริการด้านสุขภาพ และก้าวสู่ Smart Hospital ที่ไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพการรักษาเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบสำหรับโรงพยาบาลอื่น ๆ ในการพัฒนาสู่ระบบการแพทย์อัจฉริยะที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยได้ในอนาคต
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
Smarthospitalโรงพยาบาลธรรมศาสตร์HealthtechLocaltechTechMovementMoveForBetterTHDigitalMovewithTechMovement