
การใช้ยาร่วมกัน หากไม่ใช่คู่ยาที่เหมาะสม อาจทำให้ฤทธิ์ของยาตัวใดตัวหนึ่งเปลี่ยนแปลงจากเดิม เรียกว่า “ยาตีกัน” อาจส่งผลให้เกิดอันตราย อย่างการทำให้เกิดอาการแพ้ยา การลดประสิทธิภาพการรักษา หรือบางกรณีอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยในปี 65 พบว่ามีผู้ป่วยที่มีเอฟเฟ็กต์จากการใช้ยา 2 ตัวขึ้นไปจำนวนกว่า 36,259 ราย สะท้อนให้เห็นว่า “การตรวจสอบยาที่ต้องใช้ร่วมกัน” ก่อนนำไปใช้ในการรักษาก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ
● จะดีแค่ไหน หากมีเครื่องมือที่ช่วยแนะนำคู่ยาที่เหมาะสม ?
กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม AI Drug Interaction Center หรือศูนย์ข้อมูลระบบการแจ้งเตือนคู่ยาที่มีปฏิกิริยาระหว่างกัน โดยเชื่อมโยงข้อมูลจากสถานพยาบาลทุกระดับ เข้าสู่ระบบบันทึกสุขภาพส่วนบุคคล (PHR) เพื่อใช้แจ้งเตือนความเสี่ยงจากการใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือผู้ป่วยที่มีโรคตับและไตวาย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ยาสำหรับผู้ที่ต้องใช้ยาหลายชนิดพร้อมกัน
● AI Drug Interaction ทำงานอย่างไร ?
ระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลและฐานข้อมูลการแพ้ยา เข้ากับการตรวจสอบว่า “ยาใช้ร่วมกันได้ปลอดภัยหรือไม่” แบบเรียลไทม์ พร้อมส่งข้อมูลมาที่แพทย์ขณะสั่งยา ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม และเพิ่มความปลอดภัยในการรักษาผู้ป่วย
นอกจากนี้ ยังสามารถให้คำแนะนำการใช้ยาที่เหมาะกับแต่ละคน โดยพิจารณาจากอายุ ภาวะการตั้งครรภ์ และผลตรวจเกี่ยวกับการทำงานของตับและไตของผู้ป่วยได้ ซึ่งระบบ AI จะแจ้งเตือนอัตโนมัติ โดยดูจากประวัติการใช้ยาของผู้ป่วย หากพบว่ายาที่จะใช้ไม่ควรกินพร้อมกัน จะแจ้งเตือนทันที เช่น หากผู้ป่วยใช้ยาละลายลิ่มเลือดอยู่ แล้วได้รับยาแอสไพรินหรือยากลุ่มลดปวดอย่าง NSAIDs เพิ่ม อาจทำให้เสี่ยงเลือดออกมากผิดปกติ
ซึ่งขณะนี้ มีการนำร่องใช้ในโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.) 25 แห่ง และมีแผนขยายการใช้งานไปยังโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป(รพศ.รพท.) ในช่วงเดือนส.ค.68 และขยายไปยังโรงพยาบาลชุมชน(รพช.) ในช่วงเดือน ก.ย.68 รวมถึงขยายการใช้งานไปยังร้านยาในเดือน ต.ค.68 ต่อไป
โครงการนี้นับเป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำแนกการจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วย รวมถึงลดภาระให้แก่เจ้าหน้าที่ และความเสี่ยงจากการใช้ยาผิดหรือยาที่มีปฏิกิริยาต่อกัน ที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้ป่วยได้
● จะดีแค่ไหน หากมีเครื่องมือที่ช่วยแนะนำคู่ยาที่เหมาะสม ?
กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม AI Drug Interaction Center หรือศูนย์ข้อมูลระบบการแจ้งเตือนคู่ยาที่มีปฏิกิริยาระหว่างกัน โดยเชื่อมโยงข้อมูลจากสถานพยาบาลทุกระดับ เข้าสู่ระบบบันทึกสุขภาพส่วนบุคคล (PHR) เพื่อใช้แจ้งเตือนความเสี่ยงจากการใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือผู้ป่วยที่มีโรคตับและไตวาย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ยาสำหรับผู้ที่ต้องใช้ยาหลายชนิดพร้อมกัน
● AI Drug Interaction ทำงานอย่างไร ?
ระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลและฐานข้อมูลการแพ้ยา เข้ากับการตรวจสอบว่า “ยาใช้ร่วมกันได้ปลอดภัยหรือไม่” แบบเรียลไทม์ พร้อมส่งข้อมูลมาที่แพทย์ขณะสั่งยา ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม และเพิ่มความปลอดภัยในการรักษาผู้ป่วย
นอกจากนี้ ยังสามารถให้คำแนะนำการใช้ยาที่เหมาะกับแต่ละคน โดยพิจารณาจากอายุ ภาวะการตั้งครรภ์ และผลตรวจเกี่ยวกับการทำงานของตับและไตของผู้ป่วยได้ ซึ่งระบบ AI จะแจ้งเตือนอัตโนมัติ โดยดูจากประวัติการใช้ยาของผู้ป่วย หากพบว่ายาที่จะใช้ไม่ควรกินพร้อมกัน จะแจ้งเตือนทันที เช่น หากผู้ป่วยใช้ยาละลายลิ่มเลือดอยู่ แล้วได้รับยาแอสไพรินหรือยากลุ่มลดปวดอย่าง NSAIDs เพิ่ม อาจทำให้เสี่ยงเลือดออกมากผิดปกติ
ซึ่งขณะนี้ มีการนำร่องใช้ในโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.) 25 แห่ง และมีแผนขยายการใช้งานไปยังโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป(รพศ.รพท.) ในช่วงเดือนส.ค.68 และขยายไปยังโรงพยาบาลชุมชน(รพช.) ในช่วงเดือน ก.ย.68 รวมถึงขยายการใช้งานไปยังร้านยาในเดือน ต.ค.68 ต่อไป
โครงการนี้นับเป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำแนกการจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วย รวมถึงลดภาระให้แก่เจ้าหน้าที่ และความเสี่ยงจากการใช้ยาผิดหรือยาที่มีปฏิกิริยาต่อกัน ที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้ป่วยได้
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
AIDrugInteractionสธLocaltechTechMovementMoveForBetterTHDigitalMovewithTechMovement
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

การแพทย์
“จอประสาทตาเทียม” ฟื้นฟูการมองเห็นให้ผู้พิการทางสายตา


การแพทย์
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ นำทีมสู่ Smart Hospital มาตรฐานใหม่การแพทย์ 4.0


การแพทย์
ลดสแกน งดเสี่ยงรังสี ก็บ่งชี้อัลไซเมอร์ ?


การแพทย์
ลิ่มเลือดไม่หลุด นวัตกรรมใหม่ช่วยหมุน “ ลดอุดตัน ”
