
Meta กลับมาสร้างแรงสั่นสะเทือนวงการ AI อีกครั้ง เมื่อมีรายงานว่ากำลัง“ดึงตัวท็อป” จากองค์กรชั้นนำ
อย่าง OpenAI, Google DeepMind และ Anthropic พร้อมดึง Scale AI มาเป็นแม่ทัพด้านข้อมูลและเทคโนโลยี เป้าหมายไม่ใช่แค่สร้าง AI ทั่วไป
แต่คือการ สร้าง “Superintelligence” หรือ AI ที่ฉลาดเหนือมนุษย์ ?
Mark Zuckerberg ประกาศชัดว่า Meta ต้องการเป็นผู้นำในสนาม AI ภายในปี 2030
โดยในปี 2024 Meta ได้มีการสั่งซื้อ ชิปจาก NVIDIA H100 กว่า 350,000 ตัว เฉพาะงบซื้อชิปก็ใช้ไปกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์
ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายในการจ้างวิศวกร AI ค่าดูแล Data Center และพลังงานมหาศาลที่ต้องใช้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการใช้งบประมาณระดับ “Mega project” เลยทีเดียว
ถ้าวิเคราะห์จากนโยบายที่เกิดขึ้นแล้ว มองว่า Meta อาจอยากได้ “อำนาจ” เพียงเท่านั้น
แต่อำนาจที่ว่าคงไม่ได้หมายถึง “การครองประเทศ”
แต่คือการที่ได้ครอง แพลตฟอร์ม ครองความคิด และครองข้อมูลผู้คนทั่วโลกซะมากกว่า เพราะอย่าลืมว่า โลกในตอนนี้ไม่ต่างจาก ‘ยุค AI Cold War’ ระหว่าง จีน - สหรัฐฯ และ Big Tech ทุกเจ้าต่างก็เร่งแข่งกัน
เพื่อช่วงชิง “ตำแหน่งผู้นำโลกดิจิทัล” ซึ่ง Meta ก็คงเป็นหนึ่งในผู้เล่น ที่ไม่อยากตกขบวนนี้
ทำให้ Meta ต้องพยายามรีแบรนด์ตัวเองมาตลอด การประกาศสร้าง Superintelligenceจึงอาจเป็นหมากตัวใหม่ ที่หวังใช้ล้างภาพลักษณ์เดิม และอยากที่จะเป็นที่หนึ่งในโลกของ AI
การได้ Scale AI เข้ามา คงไม่ได้มีแค่เรื่องของ “ข้อมูลจำนวนมหาศาล” แต่เป็นความเชี่ยวชาญในการเตรียม และจัดการข้อมูลให้พร้อมใช้งาน สำหรับ AI ระดับสูง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งนี่ก็ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ ของ Meta ที่ทั่วโลกจับตา
ว่าจะสามารถพลิกโฉมวงการดิจิทัลและขึ้นแท่นเป็นผู้นำในยุค AI ได้หรือไม่ ?
อย่าง OpenAI, Google DeepMind และ Anthropic พร้อมดึง Scale AI มาเป็นแม่ทัพด้านข้อมูลและเทคโนโลยี เป้าหมายไม่ใช่แค่สร้าง AI ทั่วไป
แต่คือการ สร้าง “Superintelligence” หรือ AI ที่ฉลาดเหนือมนุษย์ ?
Mark Zuckerberg ประกาศชัดว่า Meta ต้องการเป็นผู้นำในสนาม AI ภายในปี 2030
โดยในปี 2024 Meta ได้มีการสั่งซื้อ ชิปจาก NVIDIA H100 กว่า 350,000 ตัว เฉพาะงบซื้อชิปก็ใช้ไปกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์
ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายในการจ้างวิศวกร AI ค่าดูแล Data Center และพลังงานมหาศาลที่ต้องใช้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการใช้งบประมาณระดับ “Mega project” เลยทีเดียว
ทำไม Meta ต้องทุ่มทุนขนาดนี้?
ถ้าวิเคราะห์จากนโยบายที่เกิดขึ้นแล้ว มองว่า Meta อาจอยากได้ “อำนาจ” เพียงเท่านั้น
แต่อำนาจที่ว่าคงไม่ได้หมายถึง “การครองประเทศ”
แต่คือการที่ได้ครอง แพลตฟอร์ม ครองความคิด และครองข้อมูลผู้คนทั่วโลกซะมากกว่า เพราะอย่าลืมว่า โลกในตอนนี้ไม่ต่างจาก ‘ยุค AI Cold War’ ระหว่าง จีน - สหรัฐฯ และ Big Tech ทุกเจ้าต่างก็เร่งแข่งกัน
เพื่อช่วงชิง “ตำแหน่งผู้นำโลกดิจิทัล” ซึ่ง Meta ก็คงเป็นหนึ่งในผู้เล่น ที่ไม่อยากตกขบวนนี้
ทำให้ Meta ต้องพยายามรีแบรนด์ตัวเองมาตลอด การประกาศสร้าง Superintelligenceจึงอาจเป็นหมากตัวใหม่ ที่หวังใช้ล้างภาพลักษณ์เดิม และอยากที่จะเป็นที่หนึ่งในโลกของ AI
การดึง Scale AI เข้ามาร่วมทีม จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมได้จริงหรือไม่?
การได้ Scale AI เข้ามา คงไม่ได้มีแค่เรื่องของ “ข้อมูลจำนวนมหาศาล” แต่เป็นความเชี่ยวชาญในการเตรียม และจัดการข้อมูลให้พร้อมใช้งาน สำหรับ AI ระดับสูง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งนี่ก็ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ ของ Meta ที่ทั่วโลกจับตา
ว่าจะสามารถพลิกโฉมวงการดิจิทัลและขึ้นแท่นเป็นผู้นำในยุค AI ได้หรือไม่ ?
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
MetaScaleAIalexanderwangAISuperintelligenceGlobaltechTechMovementMoveForBetterTH
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ธุรกิจไอที
“EdTech” จากกระดาษใบใหญ่ สู่แค่ปลายนิ้ว ?


ธุรกิจไอที
ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องรอคิว แค่ปลายนิ้วก็ได้ใบเกรด!


ธุรกิจไอที
“Sensitive Data” หัวใจสำคัญที่ต้องปกป้องในโลกดิจิทัล


ธุรกิจไอที
เวียดนามไฟเขียว “กฎหมายเทค” สู่ฮับนวัตกรรมแห่งเอเชีย ?
