
นาทีนี้ไม่ว่าใครต่างก็พูดถึงเรื่องการขึ้นภาษีของประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ และยังมีการตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 มหาอำนาจ อย่างจีน และสหรัฐฯ ที่ดุเดือดในขณะนี้
ซึ่งการขึ้นภาษีโต้ตอบกันระหว่างสหรัฐฯกับจีนนี้ ยิ่งเพิ่มแรงผลักดันให้จีนต้องลดการพึ่งพาสหรัฐฯในหลายด้าน และหันมาพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆในชาติตนเองมากขึ้น อย่างเช่น การพัฒนาเทคโนโลยีระบบ AI และชิปประมวลผลต่างๆ รวมถึงพัฒนาระบบทางการเงิน อย่าง หยวนดิจิทัลที่จะเพิ่มอำนาจอธิปไตยทางการเงิน โดยคาดว่าจะท้าชนกับ SWIFT ซึ่งเป็นระบบของของสหรัฐฯในอีกไม่ช้า
หยวนดิจิทัล (e-CNY) คืออะไร แล้วจะมาแทน SWIFT ได้จริงหรือไม่ ?
หยวนดิจิทัลเป็นระบบโอนเงินข้ามชาติของจีน ซึ่งปัจจุบันเปิดใช้งานแล้ว 16 ประเทศ (อาเซียน 10, ตะวันออกกลาง 6) เคลมหนักว่าสามารถโอนเงินข้ามประเทศด้วยความเร็วได้ใน 7 วินาที เมื่อเทียบกับ SWIFT ของสหรัฐฯ ต้องใช้เวลา 3-5 วัน และมีค่าธรรมเนียมถูกกว่าถึง 98% โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่โปร่งใส และตรวจสอบได้ ป้องกันปัญหาการฟอกเงิน ซึ่งระบบนี้ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อหวังลดอิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้มากขึ้นนั่นเอง
ทำไม “หยวนดิจิทัล” เกี่ยวข้องกับภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ?
ถึงแม้หยวนดิจิทัลจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นการขึ้นภาษีตอบโต้โดยตรง แต่การพัฒนาระบบเพื่อให้สามารถใช้ในวงกว้างมากขึ้น และทำหน้าที่ได้คล้ายกับระบบ SWIFT ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่จีนมั่นใจในศักยภาพของตนเอง และตอกย้ำว่าจีนจะไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่การขึ้นภาษีของสหรัฐฯครั้งนี้ก็เป็นได้
ปัจจุบันหยวนดิจิทัล มียอดชำระข้ามชาติทะลุ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่สหรัฐฯยังคงถกเถียงกันว่าสกุลเงินดิจิทัลจะคุกคามสถานะของดอลลาร์สหรัฐฯหรือไม่ ด้านจีนก็เดินหน้าขยายเครือข่ายการชำระเงินดิจิทัลอย่างเงียบๆ ที่แสดงว่า “นี่อาจไม่ใช่เพียงอำนาจอธิปไตยทางการเงินเท่านั้น” แต่อาจเป็นตัวกำหนดว่าใครจะสามารถควบคุมเศรษฐกิจโลกในอนาคตได้
เชื่อว่าหลังจากนี้สงครามทางเศรษฐกิจระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน อาจเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากประเด็นทางด้านภาษีที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าสงครามระหว่าง 2 มหาอำนาจนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน และโลกต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
ซึ่งการขึ้นภาษีโต้ตอบกันระหว่างสหรัฐฯกับจีนนี้ ยิ่งเพิ่มแรงผลักดันให้จีนต้องลดการพึ่งพาสหรัฐฯในหลายด้าน และหันมาพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆในชาติตนเองมากขึ้น อย่างเช่น การพัฒนาเทคโนโลยีระบบ AI และชิปประมวลผลต่างๆ รวมถึงพัฒนาระบบทางการเงิน อย่าง หยวนดิจิทัลที่จะเพิ่มอำนาจอธิปไตยทางการเงิน โดยคาดว่าจะท้าชนกับ SWIFT ซึ่งเป็นระบบของของสหรัฐฯในอีกไม่ช้า
หยวนดิจิทัล (e-CNY) คืออะไร แล้วจะมาแทน SWIFT ได้จริงหรือไม่ ?
หยวนดิจิทัลเป็นระบบโอนเงินข้ามชาติของจีน ซึ่งปัจจุบันเปิดใช้งานแล้ว 16 ประเทศ (อาเซียน 10, ตะวันออกกลาง 6) เคลมหนักว่าสามารถโอนเงินข้ามประเทศด้วยความเร็วได้ใน 7 วินาที เมื่อเทียบกับ SWIFT ของสหรัฐฯ ต้องใช้เวลา 3-5 วัน และมีค่าธรรมเนียมถูกกว่าถึง 98% โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่โปร่งใส และตรวจสอบได้ ป้องกันปัญหาการฟอกเงิน ซึ่งระบบนี้ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อหวังลดอิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้มากขึ้นนั่นเอง
ทำไม “หยวนดิจิทัล” เกี่ยวข้องกับภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ?
ถึงแม้หยวนดิจิทัลจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นการขึ้นภาษีตอบโต้โดยตรง แต่การพัฒนาระบบเพื่อให้สามารถใช้ในวงกว้างมากขึ้น และทำหน้าที่ได้คล้ายกับระบบ SWIFT ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่จีนมั่นใจในศักยภาพของตนเอง และตอกย้ำว่าจีนจะไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่การขึ้นภาษีของสหรัฐฯครั้งนี้ก็เป็นได้
ปัจจุบันหยวนดิจิทัล มียอดชำระข้ามชาติทะลุ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่สหรัฐฯยังคงถกเถียงกันว่าสกุลเงินดิจิทัลจะคุกคามสถานะของดอลลาร์สหรัฐฯหรือไม่ ด้านจีนก็เดินหน้าขยายเครือข่ายการชำระเงินดิจิทัลอย่างเงียบๆ ที่แสดงว่า “นี่อาจไม่ใช่เพียงอำนาจอธิปไตยทางการเงินเท่านั้น” แต่อาจเป็นตัวกำหนดว่าใครจะสามารถควบคุมเศรษฐกิจโลกในอนาคตได้
เชื่อว่าหลังจากนี้สงครามทางเศรษฐกิจระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน อาจเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากประเด็นทางด้านภาษีที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าสงครามระหว่าง 2 มหาอำนาจนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน และโลกต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
หยวนดิจิทัลภาษีนำเข้าสหรัฐฯจีนGlobaltechTechMovementMoveForBetterTHDigitalMovewithTechMovement
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เศรษฐกิจ - การลงทุน
สรุปบทเรียนตลาดแรงงานดิจิทัล “ลดคน เพิ่ม AI” คุ้มค่าในระยะยาว?


เศรษฐกิจ - การลงทุน
แอร์บัสปักหมุดลงทุนในไทย หนุน “การบิน-เทคโนโลยี” ของภูมิภาคประเทศ


เศรษฐกิจ - การลงทุน
Taobao “E-commerce จีน” บุกไทยอีกตัว!


เศรษฐกิจ - การลงทุน
Nex Gen Commerce แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติไทย ส่งเสริมธุรกิจไทย
