ดีลสลับขั้ว Tiktok USA อำนาจใหม่ที่สหรัฐฯคุมแทน

ธุรกิจไอที

ดีลสลับขั้ว! Tiktok USA อำนาจใหม่ที่สหรัฐฯคุมแทน

Clock Icon

23 กันยายน 2568

แชร์ :

Facebook IconLine IconX Icon

ดีลใหญ่ที่ใครก็จับตามอง คงหนีไม่พ้นเรื่อง Tiktok USA โดยทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งบริหารวันที่ 20 ม.ค. เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายแบน TikTok ออกไป 75 วัน ก่อนเลื่อนอีกครั้งในเดือน มิ.ย. ซึ่งเลื่อนไปจนถึงวันที่ 17 ก.ย. ล่าสุดก็ได้มีการบรรลุข้อตกลงกับสีจิ้นผิง ผู้นำจีน เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ผ่านมา ว่าบริษัทสหรัฐฯ จะเข้าควบคุมอัลกอริทึมของ TikTok และสหรัฐฯ จะคุม 6 จาก 7 ที่นั่งในบอร์ดของ TikTok US

ขณะที่ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok จะคุมได้ 1 ที่นั่ง ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวอาจมีการลงนามในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ โดยข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ TikTok USA จะได้รับการดูแลโดยบริษัท Oracle และ อัลกอริทึมจะถูกควบคุมโดยบริษัทสหรัฐฯ เช่นกัน ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่การลงนามเท่านั้น

อำนาจใหม่ที่สหรัฐฯคุม ทำไมจีนถึงยอมปล่อยให้?

อาจมีคนสงสัยว่าทำไมตอนนี้จีนยอมปล่อยให้สหรัฐฯเข้ามาควบคุมแทน ต้องบอกว่าเรื่องนี้ดูต่างไปจากที่คิด โดยมองว่าการตัดสินใจครั้งนี้คาดว่ามาจาก 2 ประเด็นที่น่าสนใจ

ประเด็นแรกคือ Tiktok USA มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก ซึ่งมีผู้ใช้งานต่อเดือนโดยเฉลี่ยมากกว่า 30 ล้านคนในระหว่าง เดือนม.ค. - มิ.ย. 68 แปลว่านี่คือแหล่งรายได้สำคัญที่บริษัทยังต้องเก็บไว้ แน่นอนว่าด้านข้อมูลของผู้ใช้งานนั้นก็มีมูลค่าไม่แพ้กัน แต่จากที่บริษัทเป็นคนควบคุมมาตั้งแต่ต้น เลยมองว่าข้อมูลที่เคยดูแลก่อนหน้านี้อาจถูกจัดเก็บมากพออยู่แล้ว และยังมีอีกหลายประเทศที่จีนเองก็ยังควบคุมได้เพราะยังไง Tiktok ก็ไม่ได้เปิดให้ใช้งานแค่สหรัฐฯ จึงยอมที่จะปล่อยให้สหรัฐฯเข้ามาควบคุมเอง

ส่วนประเด็นที่สองนั้น คงเป็นผลจากกฎหมายควบคุมแอปพลิเคชันที่มีเจ้าของจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติคุ้มครองชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ถูกควบคุมโดยคู่ปรับต่างชาติ (“กฎหมายฯ”) (Pub. L. 118-50, div. H) กำหนดกฎเกณฑ์กำกับดูแล “แอปพลิเคชันที่ถูกควบคุมโดยต่างชาติ” โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่ดำเนินการโดย TikTok และบริษัทอื่น ๆ ของบริษัทแม่อย่าง ByteDance Ltd. ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งอย่างที่รู้ว่า ByteDance Ltd. เคยพยายามยื่นคำร้องคัดค้านการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ต่อพระราชบัญญัตินี้แต่ก็ไม่ก็ไม่เสร็จ เลยเป็นไปได้ว่าหากยืนยันที่จะทำตามการควบคุมของตัวเองต่อไป อาจมีแต่เสียกับเสียมากกว่า

ซึ่งในมุมมองของการทำธุรกิจการที่ ByteDance เลือกทางนี้คงเป็นทางออกที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทน้อยที่สุด เพราะได้พิสูจน์แล้วจากที่บริษัทเองก็เคยต่อสู้ในชั้นศาลมาตั้งแต่ปีที่แล้วซึ่งผลที่ออกมาก็ไม่ได้น่าพอใจสักเท่าไหร่

กลับมาที่ไทยเรา We Are Social เคยรายงานว่า ไทยขึ้นแท่นเป็นประเทศอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย และเป็นอันดับสองของโลกในด้านจำนวนผู้ใช้งาน TikTok มากที่สุด แปลว่าข้อมูลของเราก็อยู่ที่แพลตฟอร์มจำนวน เรื่องนี้ทำให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาตรการควบคุมแพลตฟอร์มเหล่านี้มากขึ้น โดยล่าสุดก็มีการออกกฎหมายด้านการควบคุมข้อมูลจากแพลตฟอร์มเพิ่ม เหตุผลก็คล้ายกับสหรัฐฯคือด้านการปกป้องข้อมูลผู้ใช้บริการที่อาจมีผลต่อความมั่นคงของชาติ และเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับคนไทยเอง ซึ่งก็ชัดว่าถ้าเราสามารถควบคุมข้อมูลภายในได้มากขึ้น ก็จะช่วยลดความเสียเปรียบด้านเศรษฐกิจในอนาคตด้วยเช่นกัน

แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีลสลับขั้ว! Tiktok USA อำนาจใหม่ที่สหรัฐฯคุมแทน