
หลายคนอาจเคยเห็นข่าว หรือเจอกับเหตุการณ์สั่งของออนไลน์ แบบเก็บเงินปลายทาง แล้วไม่ตรงปก อย่างบางคนสั่งไอโฟน แต่พอของมาส่งกลับเป็นที่วางโทรศัพท์ โดยข้อมูลจาก ETDA ระบุว่าแค่ปี 67 ปีเดียว มีเรื่องร้องเรียนปัญหาซื้อขายออนไลน์ (เช่น ไม่ได้รับสินค้า ได้ของไม่ตรงปก กว่า 15,050 กรณี ซึ่งมากที่สุดในหมวดร้องเรียนทั้งหมดกว่า 35,000 เรื่อง
แต่ปัญหาไม่ได้จบแค่ของไม่ตรงปก เพราะล่าสุดมีเจ้าหน้าที่บุกทลายโกดังเถื่อนที่ภูเก็ต และพบว่าขบวนการนี้ใช้ช่องโหว่จากบริการเก็บเงินปลายทาง สร้างรายได้วันละเกือบแสนบาท โดยจะส่งสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานออกไปทั่วประเทศ บางคนก็รับ ส่วนที่ไม่รับก็ตีกลับมาที่โกดัง แต่ก็จะเอามาแปะชื่อใหม่แล้วส่งออกวนไปเรื่อยๆ ทำให้โกยเงินได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง ซึ่งเป้าหมายหลักมักเป็นผู้ที่เคยสั่งสินค้าออนไลน์มาก่อน เพราะบางครั้งผู้ซื้อจำไม่ได้ว่าซื้อของชิ้นไหน ราคาเท่าไหร่ จึงตกหลุมพรางและโอนเงินค่าสินค้าให้โดยไม่ทันตั้งตัว
แล้วมิจฉาชีพรู้ได้ยังไงว่าใครเคยสั่งหรือไม่สั่ง
สิ่งที่น่าตกใจคือ ข้อมูลส่วนตัวของประชาชนจำนวนมาก ทั้งชื่อ เบอร์โทร และที่อยู่ ถูกบริษัทขนส่งเอกชนรายหนึ่งนำมาขายต่อ ในราคาชื่อละเพียง 1 บาท สะท้อนถึงช่องโหว่ของระบบขนส่งเอกชนในการปกป้องข้อมูลลูกค้า ที่ผิดต่อกฎหมาย PDPA ของไทยชัดเจน เพราะบริษัทไม่ได้ขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลและนำข้อมูล ไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจเริ่มกังวลกับการสั่งของออนไลน์ แต่ความจริงคือ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการซื้อของออนไลน์ทั้งหมด แต่คือการที่ผู้ให้บริการบางรายไม่สามารถปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานได้อย่างเข้มงวด สิ่งที่ผู้บริโภคอย่างเราสามารถทำได้คือ อาจเลือกแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบผู้ขาย และใช้ช่องทางการจ่ายเงินที่ปลอดภัย เช่น ระบบชำระเงินออนไลน์ของแพลตฟอร์มแทนการเก็บเงินปลายทาง เพราะมีหลักฐานและสามารถเคลมเงินคืนได้หากเกิดปัญหา
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ต่างประเทศ
ต่างประเทศ
ต่างประเทศ
ต่างประเทศ