
เคยไหม นั่งเล่นมือถืออยู่ดีๆ ไปเจอโพสต์ที่กำลังเป็นกระแส แล้วพอกดเข้าไปอ่าน Comment กลับมีแต่ถ้อยคำหยาบคายเต็มไปหมด จนอดคิดว่าชีวิตจริงจะพูดแบบนี้กันจริงๆหรือเปล่า
อะไรที่ทำให้คนธรรมดาในชีวิตจริง กลายเป็นตัวร้ายในโลกออนไลน์ได้?
ซึ่งปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Online Disinhibition Effect หรือ ปรากฏการณ์การขาดความยับยั้งชั่งใจของบุคคล เมื่อสื่อสารกันบนโลกออนไลน์ ที่บางทีอาจไม่ต้องเปิดเผยตัวตน เพราะไม่ต้องเห็นสายตาใคร ไม่ต้องรับผิดชอบผลของคำพูดนั้นทันที เลยกล้าพูดทุกอย่างที่ในชีวิตจริงไม่กล้า
อย่างบางคนในชีวิตจริงไม่มีสิทธิ์มีเสียง ไม่มีที่ระบาย เลยต้องพิมพ์ด่าคนอื่นเอาสะใจ เหมือนเป็นการปล่อยสิ่งที่กดทับมาทั้งชีวิต ทั้งที่โลกความจริงเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป
และยิ่งถ้าเกิด “ทัวร์ลง” ใครสักคน พลังความโกรธ จะรุนแรงและทวีคูณยิ่งขึ้น โดยนักจิตวิทยาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า พฤติกรรมเหล่านี้ เกี่ยวข้องกับทฤษฎีการ
กระจายความรับผิดชอบ (diffusion of responsibility) คือแต่ละคนรู้สึกว่าไม่ได้เป็นคนเดียวที่ด่า ความรู้สึกผิดต่อการทำร้ายคนอื่นก็ลดลงทันที
ในแง่ของสังคมไทย การแสดงออกเชิงลบในโลกออนไลน์อาจสะท้อนถึงความเครียด และความไม่พอใจในชีวิตจริง ที่ได้จากหลายปัจจัย เช่น ความไม่พอใจในระบบการเมือง เศรษฐกิจ หรือปัญหาส่วนตัว การแสดงออกเหล่านี้จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่ผู้คนใช้ระบายความรู้สึกของตนเอง
ซึ่งอีกมุมหนึ่ง ปรากฏการณ์นี้ก็เป็นพลังขับเคลื่อนสังคมได้ เช่น กลุ่ม LGBTQ+ ที่ผลักดันเรื่องความหลากหลายทางเพศ จากความคิดเห็นที่หลากหลาย จนเกิดการรวมตัวกันในโซเชียลมีเดีย ทำให้ประเด็นนี้ถูกขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จนนำไปสู่การเกิดกฎหมายสมรสเท่าเทียม ในที่สุด หรือแม้แต่ถูกภาคเอกชนนำไปเป็นจุดขายสร้างการตลาด
สิ่งเหล่านี้ชี้ว่าโลกออนไลน์ ไม่ได้เป็นแค่สนามอารมณ์ และยังเป็นพลังเปลี่ยนแปลงสังคม ควบคู่กันไป แต่หากใครใช้ไม่ระวัง ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของทัวร์ที่ทำลายชีวิตผู้อื่น หรือภาพลักษณ์ของประเทศได้เช่นกัน
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง


