
ช่วงเวลาที่สถานการณ์ไทย และกัมพูชาที่กำลังตึงเครียด ข่าวที่เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียกำลังกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ที่เร่งอุณหภูมิความขัดแย้งให้ร้อนระอุขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และการพาดหัวข่าวที่บิดเบือนเพียงประโยคเดียว ก็สามารถจุดกระแสแห่งความเกลียดชังให้ลุกลามอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งสื่อออนไลน์ตอนนี้ต่างเร่งนำเสนอข่าวนี้กันอย่างเข้มข้น เพราะรู้ดีว่านี่คือประเด็นที่ทั่วโลกกำลังจับตา
ขณะเดียวกันฝั่งกัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยแบบไม่มีพัก ทำเอาชาวเน็ตเข้าไปถล่มคอมเมนต์กันรายวินาที เพราะผู้คนอยูในภาวะที่มีความวิตกกังวล และเปราะบางต่อข่าวสาร การเสพข้อมูลมากเกินไปโดยปราศจากการกลั่นกรองที่ดี อาจทำให้หลายคนขาดวิจารณญาณในการแยกแยะว่าเรื่องไหนคือข้อเท็จจริง หรือเพียงแค่ใส่สีตีไข่ เพื่อปลุกปั่น หรือเกาะกระแสเท่านั้น
สิ่งที่น่ากังวลในเวลานี้ คือแนวโน้มการสื่อสารบนโลกออนไลน์ ทั้งจากสำนักข่าวชื่อดัง เพจใหญ่ หรือแม้กระทั่งอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอิทธิพล ต่างพากันโพสต์ข้อความที่มีลักษณะชี้นำ และปลุกปั่นความรู้สึกของผู้คน จนกลายเป็นการสร้างกระแส “เกลียดชัง” แบบผิดๆ
สุดท้ายกลายเป็นการส่งต่อความเกลียดชัง จากการระบายความไม่พอใจด้วยคำพูดรุนแรงอย่างไม่รู้ตัว โหมไฟให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น
โดยเฉพาะกระแส “ต่อต้านชาวกัมพูชา” ในไทย ที่เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น ซึ่งเสี่ยงทำให้ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ กลายเป็นเหยื่อของความเข้าใจผิด และอคติที่ถูกปลุกระดมขึ้นมา
ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบางนี้ และทุกคนล้วนมีสื่ออยู่ในมือ การเผยแพร่ข่าวสารควรมี “จรรยาบรรณ” ยึดหลักความเป็นกลาง ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนก่อนนำเสนอ และไม่ควรใช้ความขัดแย้งเป็นเครื่องมือเรียกยอดคนดู
เพราะการบิดเบือนเพียงเล็กน้อย อาจนำไปสู่ผลกระทบใหญ่ได้แบบไม่คาดคิด ทั้งในแง่ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของประเทศ
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว