
Netflix ทุ่ม 7.2 หมื่นล้านเหรียญ ซื้อ Warner Bros
ดีลประวัติศาสตร์วงการสตรีมมิง ที่มีเม็ดเงินกองมหาศาล นี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกของ Netflix เพราะเคยมีการยื่นข้อเสนอเข้าซื้อกิจการมาแล้ว พร้อมกับเจ้าอื่น ๆ อย่าง Paramount Skydance Corp., หรือ Comcast ทำให้ WBD ตัดสินใจตั้งการประมูลขึ้นจนเกิดเป็นผู้แข่งขันจำนวน 3 บริษัทที่เกริ่นช่วงต้น ซึ่งจากรายงานของ Bloomberg ก็ได้ให้รายละเอียดไว้ว่า ผู้ที่ถือหุ้น Warner Bros. จะได้รับเงินสดและหุ้น รวม 27.75 ดอลลาร์ต่อหุ้น แปลว่าดีลนี้จะทำให้ Netflix ได้ทั้งคอนเทนต์และทรัพยากรเกือบทั้งหมดของ Warner Bros. เลยทีเดียว
ดูเหมือนเรื่องนี้จะจบสวย แต่ก็แอบมีดราม่าเล็กๆ จากผู้ใช้งานหลายคนว่า นี่อาจจะเป็นวิกฤติของหนัง Hollywood แบบดั้งเดิมหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาใครเป็นคอหนังของ Netflix จะเห็นว่า Nexflix เป็นบริษัทเทคโนโลยี ไม่ใช่ที่บริษัททำหนังแบบดั้งเดิม รวมถึงที่ผ่านมา Netflix ก็กล้าที่จะฉีกกฎการทำหนังแบบเดิมๆ ไม่เคยกลัวที่จะทำลายธรรมเนียมเก่า
นอกจากนี้ ยังมีคนออกมาวิเคราะห์ว่า ดีลนี้ก็แอบซ่อนเกมธุรกิจเอาไว้ โดย Melissa Otto หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ S&P Global Visible Alpha บอกว่านี่คือการทำสงครามเย็นทางเทคโนโลยีกับยักษ์ใหญ่อีกรายอย่าง Google ฟังดูก็อาจจะงง ๆ ว่าเกี่ยวยังไง แต่ Melissa Otto ก็อธิบายต่อว่า
การซื้อครั้งนี้กลายเป็นการเดินหมากเพื่อ “สกัดดาวรุ่ง” บริษัท Search Engine ที่ซับซ้อนกว่าการแย่งจำนวนคนดูมาเท่านั้น แต่มันคือการเดิมพันด้วยอนาคตของ AI และชิปประมวลผลของคู่แข่งแบบเงียบๆ อย่าง Google ที่มีชิป TPU (Tensor Processing Unit) ที่พัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นชิปที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการจัดการกับวิดีโอ ในพาร์ทของ Generative AI
โดยหัวใจหลักคือ มันสามารถเปลี่ยนสมการทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวที่สมจริงได้อย่างน่าทึ่ง ก็ไม่แปลกที่ Netflix จะต้องเริ่มขยับตัวทำอะไรบางอย่างเพื่อต่อสู้กับเรื่องนี้ ซึ่ง Warner Bros มี IP (Intellectual Property) ในตำนานใหญ่ ๆ มากมาย อย่าง Harry Potter, DC, LOTR, Friends ที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และแค่ผู้ที่ถือลิขสิทธิ์เท่านั้นที่จะนำมาสร้างผลงานต่อไปได้
แต่ทว่า ล่าสุดทรัมป์ก็ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับดีลนี้ว่า Netflix เสี่ยงผูกขาด เพราะส่วนแบ่งตลาดสูงเกิน 30% หากซื้อ Warner Bros. และจะเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง ด้าน Netflix ก็ไม่ยอมแพ้ ออกมาโต้แย้งต่อว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่าง YouTube ของ Alphabet และ TikTok ของ ByteDance ก็ควรถูกนับรวมในการวิเคราะห์ตลาดด้วย ซึ่งจะทำให้ภาพรวมส่วนแบ่งตลาดของ Netflix ลดลงอย่างมาก และทำให้ดูไม่ผูกขาดตลาดจนเกินไป พร้อมบอกว่า จะทำให้เห็นว่าจำนวนมากกว่า 75% ของผู้ใช้ HBO Max เป็นสมาชิกของ Netflix อยู่แล้วซึ่งถือว่าเรื่องนี้จะเป็นการส่งเสริมมากกว่าเป็นคู่แข่งกันซะอีก
ซึ่งเราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าสุดท้ายดีลนี้จะถูกโค่นหรือได้ไปต่อ เพราะอีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคงไม่ใช่แค่เรื่องการผูกขาดทางตลาดเท่านั้น แต่ทุกดีลที่เกิดขึ้นต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการได้มากที่สุดอีกด้วย
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทย
ไทย
