
ข่าวล่าสุดจากออสเตรเลียที่ Mike Burgess ผู้อำนวยการ Australian Security Intelligence Organisation (ASIO) เตือนว่าแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีนกำลังสอดแนมระบบโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่ม Salt Typhoon ซึ่งเคยเจาะระบบโทรคมนาคมสหรัฐฯ และมีการสำรวจระบบโทรคมนาคมของออสเตรเลียแล้ว และกลุ่ม Volt Typhoon ที่ถูกระบุว่ามีศักยภาพในการสร้างความเสียหายต่อระบบสำคัญ
การสอดแนมเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่การขโมยข้อมูลทางธุรกิจหรือความลับของรัฐเท่านั้น แต่เป็นการเตรียมสร้างความเสียหายเชิงเศรษฐกิจและสาธารณูปโภค ASIO ประเมินว่าปีที่ผ่านมา การสอดแนมข้อมูลทำให้ออสเตรเลียสูญเสียมูลค่ากว่า 12.5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยเฉพาะทรัพย์สินทางปัญญาและความลับทางธุรกิจมูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
เพราะผลกระทบอาจไม่ใช่เรื่องไกลตัว?
ถ้าประเทศที่มีระบบความมั่นคงทางไซเบอร์แน่นหนาอย่างออสเตรเลียยังถูกสอดแนม แปลว่าประเทศอื่นๆ ก็มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน ไทยเองก็อยู่ในความเสี่ยงนี้โดยไม่รู้ตัว เพราะโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับโลกออนไลน์มากขึ้น ตั้งแต่ระบบธนาคาร ไปจนถึงเครือข่ายน้ำ ไฟ และพลังงาน
ลองคิดว่าถ้าระบบโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศถูกโจมตี หมายความว่า กิจกรรมในชีวิตประจำวันจะหยุดชะงักทันที ทั้งประชาชนและภาคธุรกิจเองก็จะได้รับผลกระทบโดยตรง จนอาจกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศได้
ซึ่งก่อนหน้านี้จีนเคยมีประวัติถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีไซเบอร์หลายประเทศบ่อยครั้ง แต่จีนมักปฏิเสธ เช่น กรณีที่เยอรมนีถูกโจมตีทางไซเบอร์ ปี 2021 จีนบอกว่า “ไม่มีมูล” และกรณีสิงคโปร์กับกลุ่มแฮกเกอร์ UNC3886 ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับจีน ก็ถูกจีนปฏิเสธเช่นกัน พร้อมบอกว่าเป็นการ ใส่ร้ายโดยไม่มีมูล และในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ก็มีกรณีคล้ายกันที่จีนออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง
สิ่งที่ ASIO เตือนจึงไม่ใช่ปัญหาเฉพาะออสเตรเลีย แต่คือสัญญาณเตือนต่อทั้งโลกว่า การโจมตีไซเบอร์คือ ‘ภัยความมั่นคงแห่งชาติยุคใหม่’ ที่สามารถทำลายเศรษฐกิจและชีวิตผู้คนได้จริง หากไม่มีระบบที่รัดกุมป้องกันตั้งแต่วันนี้ ระบบดิจิทัลที่เราพึ่งพา อาจกลายเป็นจุดอ่อนที่ใครก็เจาะได้อยู่เสมอ
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ต่างประเทศ
ต่างประเทศ
ต่างประเทศ
ต่างประเทศ