ดีอีแถลงชี้แจง สแกนม่านตาแลกเหรียญคริปโต หลังมีคำสั่งให้ลบหรือทำลายข้อมูลม่านตาประชาชนกว่า 1 2 ล้านราย

สังคม

ดีอีแถลงชี้แจง “สแกนม่านตาแลกเหรียญคริปโต” หลังมีคำสั่งให้ลบหรือทำลายข้อมูลม่านตาประชาชนกว่า 1.2 ล้านราย

Clock Icon

25 พฤศจิกายน 2568

แชร์ :

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 68 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี  เผยว่า กระทรวงฯ ให้ความสำคัญและส่งเสริมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence (AI) และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ใช้ “ยืนยันความเป็นมนุษย์” แต่เงื่อนไขของผู้ให้บริการที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคลประเภท “ข้อมูลชีวภาพ” ต้องมีความชัดเจนและต้องทำภายใต้กรอบที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลกำหนด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

โดย คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ได้ พิจารณารายละเอียดธุรกิจ “สแกนม่านตาแลกเหรียญคริปโต” ซึ่งถูกตรวจพบว่าเก็บข้อมูลชีวภาพ (ข้อมูลอ่อนไหว) โดยไม่ได้ทำตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้อง เพราะการขอความยินยอมแลกกับเหรียญคริปโตถือว่าเป็นการจูงใจ ทำให้ความยินยอมไม่ได้เกิดจากความสมัครใจจริง แม้จะบอกว่าขอข้อมูลเพื่อ “ยืนยันความเป็นมนุษย์” แต่เมื่อสแกนแล้วจะสแกนซ้ำไม่ได้ แสดงว่าจริง ๆ แล้วมีการใช้ข้อมูลเพื่อระบุตัวบุคคล ซึ่งเกินกว่าที่แจ้งไว้ตอนแรก ถือเป็นการใช้ข้อมูลเกินวัตถุประสงค์ที่ได้รับความยินยอม

จึงจำเป็นต้องมีคำสั่งให้หยุดการดำเนินการนี้เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไม่ให้รั่วไหลหรือถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ตามกฎหมาย PDPA ของไทย และเป็นมาตรฐานที่หลายประเทศก็ทำเหมือนกัน โดยตอนนี้มีอย่างน้อย 8 ประเทศที่แบนแล้ว รวมถึงเยอรมนี สเปน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และบราซิล

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบร่วมกับหลายหน่วยงาน พบว่ามีการทำผิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และยังมีเรื่องน่าสงสัยอีก เช่น มีขบวนการจ้างคนไปสแกนม่านตาแลกเหรียญเพื่อให้คนอื่นนำไปใช้ ซึ่ง ก.ล.ต. และตำรวจไซเบอร์ตรวจเจอและจับกุมคนรับแลกเหรียญดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตไปแล้วหลายราย ทำให้เชื่อว่าอาจมีความผิดอื่นเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ตอนนี้ DSI รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการสืบสวนขยายผลต่อไป

เลขาธิการ สคส. เน้นย้ำว่า สคส. หรือ PDPC ให้ความสำคัญสูงสุดกับการคุ้มครองข้อมูลอ่อนไหวของประชาชน โดยเฉพาะข้อมูลชีวภาพ (Biometric Data) โดยการระงับนี้เป็นไปเพื่อ “ป้องกันความ เสียหาย” ที่เกิดขึ้นจากการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ไม่ถูกกฎหมาย และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อความสงบเรียบร้อยและสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน โดยเน้นย้ำว่า “ไม่เป็นการปิดกั้นการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการยืนยันความเป็นมนุษย์” แต่อย่างใด

ภาพและที่มา : สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง