
เรื่องราวของคดีฉ้อโกงคริปโตมูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ฯ ที่ถูกเปิดโปงโดยสหรัฐฯ และอังกฤษ กำลังเขย่าภูมิภาคทั้งระบบ เพราะเส้นทางการเงินของเครือข่ายนี้ไม่ได้จบแค่ในประเทศเดียว แต่วนเวียนผ่านระบบการเงินของหลายประเทศในเอเชีย
ขบวนการนี้มีศูนย์กลางอยู่ในกัมพูชา ภายใต้บริษัท Prince Holding Group ของ Chen Zhi หรือ Vincent Chen ซึ่งถูกคว่ำบาตรในข้อหาฟอกเงินและหลอกลงทุนผ่านแพลตฟอร์มคริปโตปลอม โดยถูกขนานนามว่าเป็น “อาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” เพราะไม่ได้เป็นแค่กลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ทั่วไป แต่เป็น “อาณาจักรธุรกิจ” ที่ใช้บริษัทถูกกฎหมายบังหน้า ทั้งอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนหุ้น และการตั้งบริษัทในหลายประเทศ
เบื้องหลังความมั่งคั่ง กับนรกบนดินของใครหลายคน
เครือข่ายนี้มี “ศูนย์สแกมเมอร์” ที่ใช้แรงงานบังคับ กักขัง และทรมานคนให้ทำงานหลอกลวงออนไลน์ สะท้อนว่านี่ไม่ใช่แค่การหลอกเงิน แต่เป็นการค้ามนุษย์ยุคดิจิทัล ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งหลังจากข่าวคว่ำบาตรออกมา ตำรวจสิงคโปร์ (Singapore Police Force) ก็ได้ออกยืนยันว่า กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงิน ที่อาจเกี่ยวข้องกับบริษัทในเครือของ Prince Group เพราะ Chen Zhi เปิด DW Capital Holdings ในสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2018 เพื่อบริหารเงินในรูปแบบ Family Office และใช้สิทธิทางภาษีในการถือครองทรัพย์สิน
ส่วนไทย กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (CIB) ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง แต่กำลังร่วมมือกับสหรัฐฯ ตรวจสอบว่าเงินจากเครือข่ายนี้เคยผ่านตลาดคริปโตหรือตัวแทนในไทยหรือไม่ โดยล่าสุด เกาหลีใต้ก็เข้าร่วมปฏิบัติการนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีการอายัดทรัพย์เครือข่ายของ Chen Zhi มูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท เพื่อสกัดเส้นทางการเงินและร่วมดำเนินคดีในระดับภูมิภาค
ซึ่งชี้ว่าเทคโนโลยีที่สร้างมาเพื่อความรวดเร็วและความสะดวกสบายให้กลับเรา กำลังกลายเป็น “อาวุธของอาชญากร” ได้ในพริบตา ขณะเดียวกันเหตุการณ์นี้ก็ยังทำให้เราได้เห็นว่าแต่ละประเทศมีการรับมือกับอาชญากรรมดิจิทัลที่ซับซ้อนขึ้นทุกวันได้อย่างไรบ้าง เพราะคดีนี้คือการทลายเครือข่ายที่ต้องสงสัยว่าเป็นศูนย์กลางทางการเงินของกลุ่มสแกมเมอร์ครั้งใหญ่ ที่ทำให้หลายประเทศอาจต้องร่วมมือและพัฒนากลไกป้องกันในอนาคตเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำเดิมได้อีก
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ต่างประเทศ
ต่างประเทศ
ไทย