
การเรียนรู้เป็นเส้นทางที่สำคัญ แต่หลายครั้งก็มีอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก เรียนตามเพื่อนไม่ทัน หรือคุณครูไม่สามารถดูแลนักเรียนทุกคนได้ทั่วถึง ซึ่งอาจทำให้เด็กบางคนท้อแท้และไม่ได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ เปิดตัว “LEAD Education” (LEarning analytics of ADaptive Education)
เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบเพื่อรองรับเทรนด์การจัดการเรียนการสอนแบบ Adaptive Education หรือการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้ผ่านระบบ E-Learning สำหรับวิเคราะห์จุดอ่อนและปัญหาในการเรียนรู้ ในการแนะนำเนื้อหาที่ควรทบทวนหรือศึกษาเพิ่มเติมโดยอัตโนมัติ เสมือนนักเรียนได้รับคำแนะนำกับโค้ชส่วนตัว
นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ช่วยสำหรับคุณครูและอาจารย์ ด้วย Dashboard ทำให้สามารถติดตามความก้าวหน้าและพัฒนาการของนักเรียนแต่ละคนได้แม่นยำเพื่อให้คำแนะนำและดูแลนักเรียนได้อย่างตรงจุดอย่างมีประสิทธิภาพ
แพลตฟอร์มนี้พัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการศึกษาของเนคเทค สวทช. มี 4 เทคโนโลยีหลักที่พร้อมให้บริการติดตามกระบวนการเรียนรู้ผ่านระบบ E-Learning เช่น
BookRoll : ติดตามพฤติกรรมการอ่านเอกสาร PDF เช่น ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านแต่ละส่วน จุดที่ขีดเน้น หรือส่วนที่นักเรียนอ่านแล้วไม่เข้าใจ เพื่อระบุปัญหาการเรียนรู้
KidBright Simulator : ติดตามการเรียนรู้ทักษะโค้ดดิ้ง (Coding) ผ่านการเขียนโค้ดแบบบล็อก (Blockly) ระบบจะบันทึกความเร็วในการต่อบล็อก การแก้ไขบล็อก และจำนวนบล็อกที่ใช้ เพื่อประเมินทักษะการคิดวิเคราะห์และความเข้าใจในการเขียนโค้ด
VIOLA (Video Interaction and Online Learning Analytics) : เครื่องมือติดตามการเรียนรู้ผ่านวิดีโอ โดยเก็บข้อมูลปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียนกับเนื้อหา เช่น ระยะเวลาการดู อัตราการดูซ้ำ หรือคะแนนจากแบบทดสอบในวิดีโอ เพื่อประเมินความเข้าใจในเนื้อหาวิดีโอ
Abdul for Education : ติดตามการตอบคำถามของผู้เรียนในระบบแชตบอต เพื่อวัดความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนว่าคำตอบที่เลือกหรือพิมพ์
ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายเข้าถึงโรงเรียนจำนวน 750 แห่ง และนักเรียนกว่า 140,000 คนทั่วประเทศ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิอนาคตของการศึกษาไทย ให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่ที่นักเรียนสามารถเติบโตและพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ พร้อมสนับสนุนให้คุณครูสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันถูกนำมาใช้กับการสอนที่โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จ.สมุทรปราการ สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแล้ว ในรูปแบบ "Flipped Classroom" ซึ่งให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาล่วงหน้านอกห้องเรียน และกลับมาทำกิจกรรมร่วมกันในชั้นเรียน ได้ช่วยแก้ไขปัญหาหลักของการเรียนการสอนแบบเดิม ที่ครูยากจะติดตามและประเมินความเข้าใจของนักเรียนทุกคนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งนักเรียนสามารถศึกษา ทบทวนเนื้อหาซ้ำได้ตามความต้องการ
“LEAD Education” เป็นอีกการเปลี่ยนแปลงสำคัญในการยกระดับการศึกษาไทยให้ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคดิจิทัล ที่จะช่วยสร้างบุคลลากรคุณภาพเพื่อรองรับกับตลาดแรงงานในอนาคต
แพลตฟอร์มคนไทย ยกระดับการศึกษาไทยสู่อนาคต
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ เปิดตัว “LEAD Education” (LEarning analytics of ADaptive Education)
เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบเพื่อรองรับเทรนด์การจัดการเรียนการสอนแบบ Adaptive Education หรือการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้ผ่านระบบ E-Learning สำหรับวิเคราะห์จุดอ่อนและปัญหาในการเรียนรู้ ในการแนะนำเนื้อหาที่ควรทบทวนหรือศึกษาเพิ่มเติมโดยอัตโนมัติ เสมือนนักเรียนได้รับคำแนะนำกับโค้ชส่วนตัว
นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ช่วยสำหรับคุณครูและอาจารย์ ด้วย Dashboard ทำให้สามารถติดตามความก้าวหน้าและพัฒนาการของนักเรียนแต่ละคนได้แม่นยำเพื่อให้คำแนะนำและดูแลนักเรียนได้อย่างตรงจุดอย่างมีประสิทธิภาพ
4 ขุมพลังบน LEAD Education
แพลตฟอร์มนี้พัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการศึกษาของเนคเทค สวทช. มี 4 เทคโนโลยีหลักที่พร้อมให้บริการติดตามกระบวนการเรียนรู้ผ่านระบบ E-Learning เช่น
BookRoll : ติดตามพฤติกรรมการอ่านเอกสาร PDF เช่น ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านแต่ละส่วน จุดที่ขีดเน้น หรือส่วนที่นักเรียนอ่านแล้วไม่เข้าใจ เพื่อระบุปัญหาการเรียนรู้
KidBright Simulator : ติดตามการเรียนรู้ทักษะโค้ดดิ้ง (Coding) ผ่านการเขียนโค้ดแบบบล็อก (Blockly) ระบบจะบันทึกความเร็วในการต่อบล็อก การแก้ไขบล็อก และจำนวนบล็อกที่ใช้ เพื่อประเมินทักษะการคิดวิเคราะห์และความเข้าใจในการเขียนโค้ด
VIOLA (Video Interaction and Online Learning Analytics) : เครื่องมือติดตามการเรียนรู้ผ่านวิดีโอ โดยเก็บข้อมูลปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียนกับเนื้อหา เช่น ระยะเวลาการดู อัตราการดูซ้ำ หรือคะแนนจากแบบทดสอบในวิดีโอ เพื่อประเมินความเข้าใจในเนื้อหาวิดีโอ
Abdul for Education : ติดตามการตอบคำถามของผู้เรียนในระบบแชตบอต เพื่อวัดความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนว่าคำตอบที่เลือกหรือพิมพ์
ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายเข้าถึงโรงเรียนจำนวน 750 แห่ง และนักเรียนกว่า 140,000 คนทั่วประเทศ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิอนาคตของการศึกษาไทย ให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่ที่นักเรียนสามารถเติบโตและพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ พร้อมสนับสนุนให้คุณครูสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันถูกนำมาใช้กับการสอนที่โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จ.สมุทรปราการ สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแล้ว ในรูปแบบ "Flipped Classroom" ซึ่งให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาล่วงหน้านอกห้องเรียน และกลับมาทำกิจกรรมร่วมกันในชั้นเรียน ได้ช่วยแก้ไขปัญหาหลักของการเรียนการสอนแบบเดิม ที่ครูยากจะติดตามและประเมินความเข้าใจของนักเรียนทุกคนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งนักเรียนสามารถศึกษา ทบทวนเนื้อหาซ้ำได้ตามความต้องการ
“LEAD Education” เป็นอีกการเปลี่ยนแปลงสำคัญในการยกระดับการศึกษาไทยให้ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคดิจิทัล ที่จะช่วยสร้างบุคลลากรคุณภาพเพื่อรองรับกับตลาดแรงงานในอนาคต
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
LEADEducationNSTDATechnologyAILocaltechTechMovement