
หลายวันมานี้ข่าวการปะทะไทย และกัมพูชา เป็นประเด็นร้อนบนหน้าฟีดของในทุกวัน แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด หนึ่งในเรื่องที่คนให้ความสนใจท่ามกลางกระแสนี้เคือการใช้ “โดรน” ในภารกิจทางทหาร ซึ่งมีผู้ใช้รายหนึ่งบนเฟซบุ๊คชื่อว่า Jessada Denduangboripant ได้คุยกับคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องโดรนทางทหารแล้ว หลายท่านบอกตรงกันว่า ทางฝั่งกัมพูชามีเครื่อง drone detector ที่สามารถตรวจจับโดรน dji ของเราได้ ทำให้อาจเกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของกำลังพล เพราะโดรนที่ถูกนำมาใช้สนับสนุนการรบในช่วงแรกเป็นโดรนที่ผลิตจากจีนภายใต้แบรนด์ DJI ซะส่วนใหญ่
โดยมีรายงานเพิ่มว่า เครื่องมือเหล่านี้ถูกสนับสนุนโดยกลุ่มธุรกิจสีเทาในประเทศ ที่สามารถรู้ข้อมูลได้ตั้งแต่รายละเอียดรุ่นโดรนที่ใช้ ข้อมูลพิกัดตัวเครื่องโดรน รวมไปถึงข้อมูลตำแหน่งผู้รีโมทโดรน ที่อาจเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพ
ประเด็นนี้ยิ่งตอกย้ำว่า "การใช้เทคโนโลยีของคนอื่น" โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ แฝงไปด้วยความเสี่ยงด้านข้อมูลสำคัญที่ถูกละเมิดได้ตลอดเวลา ซึ่งจริงอยู่ที่จุดประสงค์แรกที่นำมาใช้อาจเพื่อความสะดวก หรือมีราคาที่ถูก แต่นั่นอาจกลายเป็นเราที่จะเสียประโยชน์มากกว่าในที่สุดหรือไม่
ซึ่งก็โชคดีที่กองทัพไทยเองทราบในเรื่องนี้ พร้อมมีการร่วมมือกับหน่วยงานในไทย โดยใช้โดรนที่คนไทยพัฒนาขึ้นเองภายในประเทศนำมาร่วมภารกิจ แม้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนของโดรนนี้ เพราะว่ากันว่านี่คือโปรเจกต์ลับที่ทำกันมาสักระยะ และถูกเปิดเผยครั้งแรกหลังนำมาใช้งานในเหตุปะทะนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ
กลับมาที่มุมของประชาชนทั่วไป เรื่องนี้ก็น่าคิดไม่แพ้กัน ว่าหากอุปกรณ์ที่เราใช้ มีคนที่สามารถควบคุมได้แบบไม่รู้ตัว คงไม่ต่างจากการถูก “ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล” แบบง่ายๆ
ประเด็นนี้ไม่ใช่การชี้ว่าต้องเลิกใช้เทคโนโลยีต่างชาติไปซะทั้งหมด แต่สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักคือ การสร้างระบบตรวจสอบได้แบบโปร่งใส ที่มีมาตรการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล และมีทางเลือกที่ “เป็นของเราเอง” ให้มากขึ้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกเทคโนโลยีที่เราใช้งาน จะไม่กลายเป็น “ดาบสองคม” ย้อนมาทำร้ายเราได้ในภายหลัง
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว